การดูจิต การถอดจิต วิธีการถอดจิตมี 3 วิธี
ข้อห้ามในระหว่างการนั่งฝึกถอดจิต
1. จะต้องฝึกในห้องที่ไม่มีใครรบกวน โดยปิดประกาศไว้หน้าห้องว่า ห้ามรบกวน ห้ามเรียก ห้ามปลุก จนกว่าจะถึงเวลาที่จะกำหนดออกจากสมาธิ
ถ้ามีความจำเป็นต้องปลุกแล้ว ห้ามแตะต้องร่างอย่างเด็ดขาด และห้ามตะโกนเรียก เพราะเมื่อแตะต้องร่างทันที ทำให้ตกใจ หนักๆอาจจะทำให้เสียสติได้(ต้องรักษาด้วยการปรับจิต หนักหน่อยก็รักษาด้วยวิธีพอกกายทิพย์)
เหตุที่จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่า คนเราถ้ายังไม่ตายนั้น กายทิพย์เมื่อฝึกจนสามารถแยกกับกายเนื้อได้แล้ว จะมีสายใยทิพย์ติดกับกายเนื้อ เมื่อเกิดเหตุให้กายเนื้อตกใจ กายทิพย์จะรีบกระโจนกลับคืนร่างทันทีเพราะคนยังไม่ตายนั้น กายเนื้อเปรียบดังรังที่จะเกาะอาศัยอยู่เพื่อใช้กรรมต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย หรือว่า
กายเนื้อแตกสลายก่อนสิ้นอายุขัยด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดูตัวอย่างเช่นกายเนื้อเหมือนเปลือกหอย กายทิพย์เหมือนปูเสฉวนตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอาศัยเปลือกหอย
2. จะต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนฝึกวิชานี้ แล้วอาราธนาระลึกถึงบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์หลวงพ่อโต และเจ้าที่เจ้าทางช่วยคุ้มครองร่างท่านในระหว่างฝึกจิตไม่ให้สิ่งเลวร้ายมารมาผจญแฝงหรือทำลายร่างท่านได้(อธิษฐานตามบทอธิษฐานก่อนปฏิบัติ)
3.ถ้าเกิดเหตุอะไรที่ทำให้ตกใจให้รีบระลึกถึงครูบาอาจารย์
วิธีถอดจิตวิธีที่1
ภาวะการถอดจิตวิญญาณที่เกิดจากการรวมฉับพลันกับกายทิพย์
ปกติแล้วกายทิพย์เป็นอณูปรมาณูเล็กๆละเอียดมากกระจายไปทั่วในร่างกายเนื้อซ้อนอยู่กับเซลของกายเนื้อและเมื่อตอนที่เราฝึกปฏิบัติจิตตาม บทที่ 1-5 คือ ทางสงบแล้ว พอนั่งไปถึงจุดหนึ่งแห่งความสงบนิ่งมากพอแล้ว กายทิพย์จากกายในกายจะวิ่งมารวมตัวที่ท้ายทอยเหมือนมีอาการหนักๆร้อนๆที่ท้ายทอย แล้วค่อยๆวิ่งรวมผ่านสองข้างขมับ มาผสมจิตวิญญาณที่หน้าผากรวมกันเป็นลำแสงพวยพุ่งออกจากกายเนื้อ ตรงหน้าผากสู่อวกาศ ตอนนี้จะรู้สึกว่า ใจเสียววูบหนึ่งแล้วกายเบาไร้นํ้าหนัก ตอนนี้คนที่จิตไม่แน่วแน่อาจเป็นบ้าได้เพราะกลัวก่อนเหตุ ท่านที่ประสบอาการเช่นนี้ ควรตั้งใจให้มั่นไม่ต้องตกใจ แล้วเพ่งจิตตามลำแสงนั้นไปด้วยสติสัมปชัญญะ แนบตามติดกับลำแสงไป จนแสงนั้นนิ่ง แล้วพยายามตั้งสติให้จิตแน่วแน่ ค่อยๆบีบลำแสงนั้นให้รวมเป็นวง ถ้าจิตยังไม่นิ่งดี วงกลมนั้นเปรียบเสมือนหนึ่งดังดวงใจของเราจะไม่สดใส และไม่แข็งแกร่งพอ แต่เมื่อบ่มจิตให้แน่นหนาขึ้นโดยส่งกระแสจิตใจความนึกคิดมุ่งสู่ศูนย์กลางวงกลมแบบจดจ่อมากขึ้น จนแน่วแน่นิ่งดีแล้ว ดวงแก้วนั้นก็จะค่อยๆสดใสแวววาวขึ้น (จากตอนนี้แล้วฝึกปฏิบัติจิตต่อไป) ถ้าท่านไม่ฝึกปฏิบัติจิตต่อไป ท่านต้องตั้งสติที่กายเนื้อ แล้วส่งกระแสจิตใจความนึกคิดผ่านกึ่งกลางระหว่างคิ้วออกไปที่ดวงแก้วแล้วกำหนดจิตค่อยๆดึงกลับเข้าร่างใหม่อีกครั้ง กายทิพย์ก็จะกลับคืนสู่ร่างทันที เมื่อกายทิพย์คืนสู่ร่างแล้ว อย่าเพิ่งลืมตาขึ้น ค่อยๆถอนหายใจลึกๆ 10 ครั้ง แล้วหายใจละเอียดลงอีก 10 ครั้ง หายใจปกติอีก 10 ครั้ง เป็นการปรับจิตใจให้หายจากภาวะการสั่นสะเทือนของกายทิพย์ แล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น คลายออกจากสมาธิต่อไป
วิธีถอดจิตวิธีที่2
การปรับจิตจากดวงแก้วเป็นกายทิพย์
เมื่อท่านฝึกจนได้ปฐมฌานแล้ว ได้นิมิตแห่งเอกัคตาเป็นดวงแก้วที่แวววาวแข็งแกร่งซึ่งปรากฏด้วยความรู้สึก แต่เมื่อเราส่งจิตใจความนึกคิดมองผ่านกึ่งกลางระหว่างคิ้วออกไปก็จะพบดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเรา
(หรือท่านที่เกิด ภาวะจิตวิญญาณรวมฉับพลันกับกายทิพย์และได้ปรับจิตตามวิธีการถอดจิตข้อ ก วิธีที่1 แล้วเริ่มฝึกต่อเนื่องจากนี้ไป)
เมื่อได้ดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว ขอให้ท่านค่อยๆส่งกระแสจิตเข้าไปบีบดวงแก้วนั้นให้เล็กลงแล้วก็ขยายให้ใหญ่ได้จนคล่องแล้ว ก็ค่อยๆกำหนดบีบรัดดวงแก้วนั้นให้กลายเป็นรูปคนขึ้นมา (เราจะสร้างรูปตัวเราได้ อาจจะสร้างจากความทรงจำ โดยวิธีหากระจกบานใหญ่ๆมาตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรา มองแล้วพิจารณาจดจำภาพมาเพื่อในการถอดจิตต่อไป )ใหม่ๆรูปนั้นจะไม่ชัด เลือนลางมาก ตอนนี้ร่างนั้นจะรู้สึกว่าดูแล้วมีเพียงโครงร่างแก้วที่โปร่งแสง แสดงว่า ยังถอดจิตไม่สมบูรณ์ ท่านจะต้องค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดของท่านเข้าไปที่โครงร่างนั้น โครงร่างนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามกำลังของสมาธิที่สูงขึ้น จนเห็นเป็นรูปร่างมีเนื้อหนังมังสาขึ้นจนกระทั่งมีหน้าตาเหมือนท่านไม่มีผิดท่านจะเห็นว่าท่านได้แบ่งเป็น 2 คน เป็นพี่น้องฝาแฝดหันหน้าเข้าหากัน กำลังจ้องมองกัน ท่านไม่ต้องตกใจ ขอให้เข้าใจว่า นั่นคือ กายทิพย์ของท่าน
(สำหรับท่านที่จะฝึกปลงอสุภะพิจารณากายในกายก็เริ่มฝึกต่อในตอนนี้) คือ ส่งจิตใจกำหนดให้กายทิพย์นั้นเป็นไปตามบทปลงอสุภะ เมื่อถอดจิตปลงครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จิตใจก็จะสะอาด กายทิพย์ก็จะละเอียดยิ่งๆขึ้น จิตใจตัดกิเลสหมดไปเท่าใด กายทิพย์ก็จะละเอียดมากขึ้นเพียงนั้น
กายทิพย์เมื่อถอดออกมา ถ้าท่านฝึกส่งกระแสจิตใจความนึกคิดมากขึ้นจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว สามารถรวมเป็นคนออกนอกบ้านเดินให้สามัญชนมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อธรรมดา และกายทิพย์นั้นซึ่งอยู่ในสภาพกายหยาบก็สามารถหยิบของได้ เพียงแต่ไม่พูดไม่จาเท่านั้น แต่ถ้าบำเพ็ญจิตสูงขึ้น ร่างนั้นก็จะพูดได้
และกายทิพย์นี้จะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้เร็วมาก นึกจะไปไหนก็ไปได้ถึงที่นั่นทันที แต่ถ้าสมาธิอ่อนแรงลงเมื่อใด พละกำลังก็ตกลง การเคลื่อนที่ก็จะช้าลงด้วย ถ้าท่านฝึกจนเห็นกายทิพย์รวมตัวเป็นคนแล้วจะต้องมีความสามารถมองเห็นวัตถุธาตุ คือสิ่งก่อสร้างทุกอย่างรวมทั้งมีความถูกต้องทั้งสีและรูปร่าง พร้อมทั้งอ่านหนังสือไม่ผิดด้วย
ส่วนในด้านวิญาณนั้น ท่านอาจจะถูกหลอกลวงง่าย เพราะจิตนั้นยังอ่อนหัดและยังไม่แข็งแกร่งพอ จึงขอให้ท่านวางจิตเป็นกลาง พยายามตั้งสติพิจารณาทบทวนหาเหตุผลอย่างต่อเนื่อง แล้วส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปที่ภาพหรือเสียงนั้น จะได้ภาพและเสียงที่เป็นความจริงมากขึ้น แต่ขอให้ท่านอย่าหลงงมงายเชื่ออะไรง่ายๆนัก ผู้ใดหลงง่ายๆก็จะเป็นคนบ้าง่ายๆคือ กลายเป็นคนหลงใหลเรื่องลมๆแล้งๆที่ไม่ถูกต้องกับเหตุผลของความเป็นจริง ท่านต้องค่อยๆหาประสบการณ์ไป เป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ระยะหนึ่งก็จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น จนกระทั่งจะรู้ถึงความเป็นจริงเรื่องจิตวิญญาณอย่างดี เพราะเรื่องวิญญาณเป็นเรื่องละเอียดมากๆที่น่าศึกษาต่อไป
วิธีถอดจิตวิธีที่3
ถอดจิตจากกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
ที่จริงไม่อยากเขียน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับท่าน แต่คิดๆดูแล้วเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเกิดกับท่านที่ฝึกสมาธิทุกท่านได้ จึงเห็นสมควรเขียนไว้ให้ศึกษา เผื่อเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นกับท่านโดยบังเอิญท่านจะได้รู้วิธีแก้ไข
ในขณะที่ท่านฝึกปฏิบัติจิตผ่านบทที่2 หาจุดยึดให้สงบในขั้นต้นมานั้น ท่านอาจจะเกิดความรู้สึกว่าที่ดั้งจมูกตรงกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วนั้น มีความเสียวปวดตึงเป็นจุดอยู่ แม้ลืมตาก็ยังพบว่าตึงเสียวอยู่ เมื่อพบจุดเสียวนั้น ท่านค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปจุดนั้นมากขึ้น จุดเสียวนั้นก็จะหนักอึ้งมากขึ้นๆ จนเกิดอาการเหมือนสว่านหมุนเจาะไชเข้าไปในสมอง จนท่านรู้สึกว่าจุดนั้นมีการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนแข็งแกร่งไชยิ่งลึกๆเข้าในสมองหนักเต็มที่แล้ว ขอให้ท่านรวมจิตใจความนึกคิดอีกชั้นหนึ่งตั้งไว้ที่ตำแหน่งท้ายทอยส่วนบนทำหน้าที่เป็นที่รวมดีดถีบไปยังจิตที่รวมเป็นกลุ่มก้อนที่หน้าผากที่จุดเสียวตึงนั้นอย่างแรง จุดเสียวตึงนั้นก็จะถูกดีดอย่างแรงหลุดลอยออกจากร่างกายเนื้อทันทีพุ่งเข้าสู่ในอวกาศ ด้วยความเร็วมากจนเหมือนกายเนื้อช็อคไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงมีสติอีกครั้ง กายทิพย์ก็จะรู้สึกตัวมองเห็นตัวเองกำลังลอยเหาะอยู่บนอวกาศ มีลมผ่านข้างหูอย่างแรง ไม่เบาไปกว่าที่ท่านนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์
และเมื่อท่านจะให้กายทิพย์กลับคืนร่าง ก็ตั้งจิตกำหนดนึกถึงกายเนื้อ ทันทีที่ตั้งจิตอยากจะกลับคืนร่างกายทิพย์นั้นก็จะดีดกลับมาเข้าร่างทันที จะมองเห็นกายเนื้ออยู่ในลักษณะเป็นหุ่นอยู่ไม่เคลื่อนไหว และเมื่อกายทิพย์มาถึง ก็จะค่อยๆกลืนเข้าหากันเหมือนกายซ้อนกาย และค่อยๆกลืนสนิทเข้าเป็นร่างเดียว ถ้าได้สติเต็มที่แล้ว มีอาการใจสั่น ก็ควรที่จะปรับจิตใจให้สงบก่อนแล้วจึงคลายออกจากการฝึกจิต
จุดอันตราย
1. ระหว่างจะถอดจิตออกด้วยการกระแทกนั้น
จะต้องตั้งเป้าหมายว่าจะไปไหนแล้วภาวนาในใจตลอดเวลา ใหม่ๆขอให้ตั้งเป้าหมายระลึกถึงหลวงพ่อโต ครูบาอาจารย์หน้าหิ้งพระก่อน ก็จะดีมาก ฝึกจนชำนา_แล้วค่อยขอให้ครูบาอาจารย์ท่านพาไปที่อื่นต่อไป
2. ระหว่างที่ถอดจิตออกด้วยการกระแทกให้จิตออกไปนั้น ถ้าไม่มีเป้าหมายแล้วจิตท่านจะลอยอยู่กลางอวกาศลอยคว้างไปเรื่อยๆ และถ้าพบมารร้ายหรือดวงวิญญาณที่ไม่หวังดีแล้ว จะถูกเขาเหล่านั้นใช้พลังจิตตัดสายใยทิพย์ ระหว่างกายทิพย์ที่ติดกับกายเนื้อขาดจากกัน กายทิพย์ท่านก็จะลอยลิ่วเหมือนว่าวที่ขาดเชือกว่าวควบคุม
เมื่อกายเนื้อขาดจากกายทิพย์แล้ว กายเนื้อก็จะหมดลมหายใจไปในไม่ช้า ภาวะนี้ขอให้อย่าตกใจ รวมจิตให้เป็นหนึ่งปฏิบัติตามวิธีแก้ไขดังต่อไปนี้
วิธีแก้ไข
ภาวะขณะที่กายทิพย์ลอยไป เหมือนว่าวที่ไม่มีจุดหมายปลายทางนั้น ให้พยายามรวมจิตให้เป็นหนึ่ง ไม่ตกใจแล้วน้อมจิตใจระลึกถึงครูบาอาจารย์
การเคลื่อนย้ายกายทิพย์
1. ความสัมพันธ์ระหว่างกายทิพย์ที่ถอดออกมากับกายเนื้อ กายทิพย์ที่ถอดออกมานั้นเปรียบเสมือนเป็นดวงตาหรือกล้องถ่ายทอดโทรทัศน์วงจรปิดและดวงตานี้มีสายใย หรือสายโทรศัพท์มาพ่วงติดกับกายเนื้อซึ่งจะคอยรับและบันทึกความรู้สึกทั้งภาพและเสียง กายเนื้อนี้ยังเป็นเสมือนรังหรือบ้านของกายทิพย์ เพราะเมื่อตกใจแล้ว กายทิพย์จะต้องรีบวิ่งดีดกระโจนกลับเข้าร่างทันที และกายเนื้อยังเป็นรากฐานสั่งการกายทิพย์ให้ปฏิบัติการตามคำสั่งด้วย
แต่เมื่อถอดกายทิพย์จนแยกออกจากกายเนื้ออย่างสมบูรณ์แล้ว กายทิพย์นี้ก็จะแยกออกจากกายเนื้ออยู่ตลอดเวลา อยู่ในลักษณะเป็นเงาตามตัวของกายเนื้อโดยมีสายใยทิพย์เชื่อมโยงอยู่ และตอนนี้ กายทิพย์จะไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของกายเนื้อเสมอไป กายทิพย์กลับจะเป็นศูนย์เตือนสติป้อนความรู้ให้กับกายเนื้อ ให้รู้จักผิดถูกดีชั่ว
2. เริ่มเคลื่อนย้ายกายทิพย์ กำหนดจิตใจความนึกคิดจากกายเนื้อสั่งการ และบังคับให้กายทิพย์เคลื่อนที่เดินสำรวจภายในห้องก่อนจนถึงสำรวจทั้งบ้านจุดมุ่งหมายพยายามดูวัตถุสิ่งก่อสร้างให้ถูกต้องทั้งสีสันและรูปร่าง ถ้าผิดจากความเป็นจริงให้ฝึกการส่งกระแสจิตจดจ่อที่กายทิพย์ใหม่ตามวิธีเบื้องต้นที่กล่าวมาแล้วการที่ยังมองอะไรไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงนั้นเพราะว่ากายทิพย์ที่กระจายอยู่ในกายเนื้อยังถอดออกมาไม่หมดจึงต้องฝึกเพิ่มเติมใหม่
เมื่อท่านฝึกจนหลับตาเห็นวัตถุธาตุไม่ผิดจากความเป็นจริงแล้ว ก็ขอให้เริ่มพิสูจน์เรื่องวิญญาณด้วยการเพ่งมองไปที่หน้าโต๊ะหมู่ หรือหิ้งบูชาพระหรือระลึกถึงครูบาอาจารย์ ขอชมบารมีท่าน ถ้าภาพไม่ชัด ให้ค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปที่ภาพนั้น ภาพนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามกำลังสมาธิ ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านพบเห็นภาพที่น่ากลัว ไม่ต้องตกใจ ตั้งใจให้มั่นระลึกถึงครูบาอาจารย์ ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปเสริมเพิ่มเติมภาพนั้นให้ชัดขึ้นแล้วส่งกระแสจิตสนทนากับสิ่งที่เกิดขึ้น ฝึกเช่นนี้จนเกิดความเคยชินและคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แล้วค่อยๆเคลื่อนกายทิพย์ไปสนทนากับเจ้าที่เจ้าบ้านหรือดวงวิญญาณอื่นภายในบ้าน
3. ฝึกจนเกิดความเคยชินแล้ว ให้ระลึกอาราธนาครูบาอาจารย์หลวงพ่อโต ที่เราเคยสนทนาที่หน้าหิ้งพระนั้น โปรดเมตตาพาท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่ท่านเห็นว่าสมควร
บางครั้งเราต้องการจะพิสูจน์ว่า กายทิพย์เรามีความแข็งแกร่งและแม่นยำขนาดไหน เมื่อถอดกายทิพย์ไปถึงสถานที่นั้นแล้ว จดจำเหตุการณ์และวันเวลาขณะนั้นไว้ แล้วนำไปเทียบหาความจริงกับเพื่อนคนนั้นที่เราได้ถอดกายทิพย์ไปหา
ทุกครั้งที่ถอดกายทิพย์ไปต่างถิ่น ต้องเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เจ้าทางในถิ่นนั้นด้วยการกราบไหว้ และอย่าทำอะไรที่เป็นการลบ
ลู่ดูหมิ่นท่านด้วย ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์นำพา ห้ามถอดจิตไปไหนอย่างเด็ดขาด ต้องฝึกจนกว่าครูบาอาจารย์จะสอนบทเรียนและชี้แนะจนเอาตัวรอดได้ ท่านก็จะปล่อยให้เราไปไหนมาไหนด้วยความอิสระ
ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บกุมารทอง
ประชาสัมพันธ์/ข้อมูลโดย"ร้านกุมารทองบางกอก"
ให้เช่ากุมารทอง เครื่องรางมหาเสน่ห์
www.kumarnthong-bangkok.com
โทรติดต่อ : 089-9326979 (ณัฐนนท์)
LINE : inattanon
ช่วงเวลาการติดต่อ 09.00-21.00 น. ทุกวัน
หากท่านต้องการของแท้ ท่านเลือกถูกแล้วครับ "ที่มาที่นี่"
รวมประสบการณ์กุมารทองเครื่องรางของแท้100%
การพบเจอสิ่งที่มองไม่เห็น การบูชาแล้วได้ผลจริง
"ไม่สร้างเรื่อง ไม่มีการแต่งขึ้นเอง เรื่องจริงล้วนๆ"
(จากการรีวิวบางส่วนเท่านั้นครับ)
*****โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ความเชื่อล้วนๆครับ*****
หน้าที่เข้าชม | 3,565,914 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,202,628 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ต.ค. 2568 |